ชายชาวจีนวัย 56 ปี ป่วยเป็นโรคไตวายเฉียบพลัน สาเหตุเกิดจากการกิน “อาหารชนิดนี้” ทุกมื้อ
ชายแซ่เหลียววัย 56 ปี จากเมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มีอาการปวดหลังเฉียบพลัน ร่วมกับปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด สีเข้ม และปริมาณลดลง จึงไปพบแพทย์ที่แผนกไต หลังการตรวจพบว่าระดับครีเอตินีนในเลือดสูงผิดปกติถึง 216.6 ไมโครโมล/ลิตร (ค่าปกติ 57-97 ไมโครโมล/ลิตร) และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะไตวายเฉียบพลัน
ตามรายงานจากสื่อจีน แพทย์ตรวจสอบประวัติการรักษาพบว่า เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ การทำงานของไตของนายเหลียวยังปกติดี แต่ในครั้งนี้ผลตรวจกลับพบความผิดปกติ โดยวินิจฉัยว่าเขามีภาวะไตเสื่อมเฉียบพลันร่วมกับการอักเสบของเนื้อเยื่อไต และพบผลึกทรงกลมในท่อไตซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากโรคไตจากสารออกซาเลต
หลังจากซักถาม ผู้ป่วยจึงนึกขึ้นได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้พริกในสวนของเขาสุกเต็มที่ และด้วยความชอบกินเผ็ด เขาจึงรับประทาน “พริก” ทุกมื้อทั้ง 3 มื้อทุกวัน
แพทย์ระบุว่าการรับประทานอาหารเผ็ดบ่อยครั้งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้นายเหลียวเกิดโรคไตจากสารออกซาเลต เนื่องจากพริกมีปริมาณออกซาเลตสูง หากบริโภคในปริมาณมากเป็นประจำ สารออกซาเลตจะสะสมในไตและเมื่อความเข้มข้นสูงเกินไป จะทำลายเนื้อเยื่อไต และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะไตวายเฉียบพลัน
ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานพริกในปริมาณมาก และหากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตจากสารออกซาเลต ควรเข้ารับการรักษาทันที
แพทย์อธิบายเพิ่มเติมว่านอกจากการกินเผ็ดแล้ว การดื่มชาที่เข้มข้นเป็นเวลานานก็อาจทำร้ายไตได้เช่นกัน เนื่องจากใบชามีคาเฟอีนและแทนนินสูง ซึ่งอาจจับตัวกับธาตุเหล็กในร่างกายกลายเป็นสารที่ละลายยาก และเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไต
นอกจากนี้ น้ำซุปที่ผ่านการต้มเป็นเวลานานจะมีปริมาณพิวรีนสูง การดื่มบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดภาวะกรดยูริกในเลือดสูง ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นอาการปวดเก๊าท์เฉียบพลันแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อไตและระบบหัวใจหลอดเลือดอีกด้วย
แพทย์แนะนำว่า หากมีอาการบวม เช่น ที่เปลือกตา ใบหน้า หรือขา, เหนื่อยง่าย, ไม่มีแรง, ปัสสาวะมากขึ้นในตอนกลางคืน, ปัสสาวะมีฟองหรือมีเลือด, ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะในคนหนุ่มสาว, คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร, สีหน้าและเปลือกตาซีด รวมถึงกลิ่นแอมโมเนียจากลมหายใจ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเกี่ยวกับไตโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม