เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 ที่ สภ.บางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวพบกับ นายสิทธิชัย สุธีวีระอนันต์ อายุ 78 ปี ซึ่งมาอาศัยอยู่ที่โรงพักนานตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา เพราะไม่มีที่อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเบื้องต้นพบบัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ และบัตรคนพิการประเภท 3 และ 4 พร้อมกับกระเป๋า 2 ใบ ช่วยประสานพาไปส่งที่ศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนนทบุรี แต่นายสิทธิชัยไม่ยอมอยู่ ขอกลับมาที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพากลับมา จากการสอบถามนายสิทธิชัย พยายามจะคิดสั้นมาแล้วหลายครั้ง
โดย นายสิทธิชัย เล่าว่า เมื่อก่อนตนทำงานเป็นโบรกเกอร์และคอยประสานกับคนจีนในเรื่องของการหาสินค้าต่าง ๆ มีเงินมากถึง 20 – 30 ล้านบาท แต่งงานและมีลูก 4 คน ลูกสาว 2 คน ลูกชาย 2 คน ต่อมา ได้ทะเลาะกับลูกสาวคนโต และมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และเคยพูดกับลูกทั้ง 4 คน ว่าถ้าไม่มีใครเลี้ยงดูตน ตนก็จะขายบ้าน ซึ่งลูก ๆ ทั้ง 4 คน ไม่มีใครรับปากจะเลี้ยงดูตน จึงตัดสินใจขายบ้านไปในราคา 7 ล้านกว่า และใช้ชีวิตโดยการขับรถไปเรื่อย ๆ อาศัยนอนบนรถมา 11 ปี เหนื่อยตรงไหนก็จอดนอนตรงนั้น ก่อนที่รถจะถูกขโมยไป
ส่วนเงินที่ขายบ้านได้ ลูก ๆ ก็มาหลอกเอาเงินไปจนหมด ทุกวันนี้ใช้เงินจากเบี้ยคนชรา เดือนละ 700 บาท และเบี้ยคนพิการ เดือนละ 800 บาท เนื่องจากขาข้างซ้ายมีอาการอ่อนแรง ก่อนหน้าจะมาอยู่ที่โรงพักตนอยู่แถว ๆ สายใต้และได้เจอกับผู้ชายคนนึงเขาช่วยพามาหาห้องเช่ารายวันอยู่แถวบางใหญ่ โดยจ่ายค่าเช่าวันละ 350 บาท ซึ่งทางเจ้าของห้องเช่าเห็นตนมาอยู่และไม่มีงานทำเลยจะหางานเกี่ยวกับการนวดให้ทำ โดยจะเลือกผู้หญิงมาให้ตนนวด แต่ตนปฏิเสธเพราะว่านวดไม่เป็น หลังจากนั้นไม่นานตนก็ต้องหนีออกมา เพราะว่าเจ้าของห้องเช่าเป็นได้พยายามทำอนาจารตน โดยการใช้มือล้วงไปที่อวัยวะเพศของตนและจับมือของตนไปจับอวัยวะเพศเขา ตนจึงหนีออกมาแต่ยังไม่ได้แจ้งความ
นายสิทธิชัย เล่าเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยติดต่อลูกสาวคนโตเพื่อที่จะให้เขามารับ แต่ลูกสาวกลับบอกกลับมาว่า ให้พ่อไปตายซะ ซึ่งตนก็เสียใจมากและขอตัดขาดไม่เจอกันอีกต่อไป เคยพยายามคิดสั้นมาแล้ว 3 ครั้ง โดยการกินยาเบื่อหนูแต่ก็ไม่เสียชีวิต เคยไปกระโดดน้ำแถวสะพานพระปิ่นก็มีคนช่วยไว้ เคยไปกระโดดน้ำที่บางแสนก็มีคนช่วยไว้อีก
พอตนเข้ามาที่โรงพักบางใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องที่พัก อาหารการกิน ประสานพาไปยังศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯไม่สามารถรับตนไว้ได้ เนื่องจากบัตรประชาชนของตนมีพื้นเพอยู่ที่กรุงเทพฯ ทุกวันนี้ตนไม่รู้จะอยู่ไปทำไม แต่ตนอยากจะไปภูเก็ตเพื่อไปหางานทำ เพราะคิดว่าที่ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวที่เป็นคนจีนเยอะ ตนมีความสามารถช่วยในเรื่องแปลภาษาจีนได้ แต่หากไปแล้วไม่มีงานทำก็คงจะโดดลงทะเลให้จบไป
ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี รายงาน